การเพาะเมล็ดมะเดื่อฝรั่งในกระบะเพาะ
การเพาะเมล็ดมะเดื่อฝรั่งในกระบะเพาะ หมายถึง การเพาะเมล็ดในภาชนะหรือกระบะที่สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก การเพาะเมล็ดด้วยวิธีนี้ควรใช้ในกรณีที่ปลูกพืชเพียงเล็กน้อย และต้องการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ และควรใช้กับเมล็ดพันธุ์ที่มีขนาดเล็ก มีราคาแพง และหายาก โดยกระบะเพาะเมล็ดที่มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวกทนทานและมีช่องระบายน้ำ ถ่ายเทอากาศได้ดี
ข้อแนะนำในการเพาะเมล็ดในกระบะเพาะ
1) ควรเลือกกระบะที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะแก่การปฏิบัติงาน เช่น ขนาด 30 ´ 40 ´ 10 เซนติเมตร มีน้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน และราคาพอสมควร จะต้องมีช่องระบายน้ำและถ่ายเทอากาศเพียงพอ เช่น กระบะพลาสติก กระบะไม้ หรืออาจจะใช้ภาชนะเหลือใช้ที่ชำรุดและสามารถหาได้ภายในบริเวณบ้าน เช่น กะละมัง ถาด จาน กระทะ เป็นต้น แต่ต้องเจาะรูที่ก้นภาชนะเหล่านี้ให้มีจำนวนเพียงพอแก่การระบายน้ำ และอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำขังเวลารดน้ำ
2) ดินที่ใช้เพาะควรเป็นดินที่ร่วนซุย โปร่ง มีน้ำหนักเบา ระบายน้ำได้ดี มีแร่ธาตุอาหารพืชบ้างพอสมควร จะต้องเป็นดินที่ไม่มีเชื้อโรคและวัชพืชปะปน โดยทั่วไปอาจจะใช้ดินร่วนธรรมดาก็ได้ หรืออาจจะใช้ดินที่มีส่วนผสมของวัสดุต่าง ๆ ในอัตราส่วนที่กำหนด เช่น ทรายหยาบ : ขุยมะพร้าวในอัตรา 1:1 ทรายหยาบ : ถ่านแกลบในอัตรา 1:1 ดิน : ปุ๋ยคอกเก่า : ทรายในอัตรา 2:1:2 กู้ได้เช่นเดียวกัน
วิธีการเพาะเมล็ดในกระบะเพาะ สามารถทำได้ดังนี้
(1) ถ้าหากภาชนะเพาะมีช่องหรือรูขนาดใหญ่มากเกินไป อาจจะทำให้ดินเพาะรั่วไหลออกมา ควรใช้วัสดุปิดรูเสียบ้าง เช่น ถ้าภาชนะเป็นกระถาง ถาด กะละมัง อาจจะใช้เศษกระถางแตก เศษอิฐหักอุดรู ถ้าเป็นภาชนะที่เป็นกระบะพลาสติกหรือลังไม้ ควรใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปิดทับพื้นกระบะ
(2) นำดินเพาะใส่ลงในภาชนะให้เกือบเต็ม เกลี่ยผิวดินให้เรียบสม่ำเสมอในระดับเดียวกัน ให้ดินเพาะอยู่ต่ำกว่าขอบภาชนะประมาณ 1 – 2 นิ้ว การเกี่ยดินให้เรียบจะทำให้เมล็ดที่เพาะงอกกระจายสม่ำเสมอกัน ถ้าหากผิวหน้าดินไม่เรียบ เวลารดน้ำ น้ำจะชะเอาเมล็ดที่หว่านไหลไปรวมกันที่บริเวณผิวหน้าดินที่ต่ำกว่า ทำให้เมล็ดต้นกล้างอกเป็นกระจุก ถอนย้ายลำบากในภายหลัง
(3) นำเมล็ดพันธุ์พืชที่ต้องการปลูก หว่านหรือโรยลงบนผิวหน้าดินกลยเพียงแต่ใช้มือหรือโรยทับด้วยดินเพาะเพียงเบา ๆ พอกลบเมล็ด แต่ถ้าเมล็ดมีขนาดเล็กมาก ไม่ต้องโรยดินกลบเพียงแต่ใช้มือหรือไม้บรรทัดกดเมล็ดให้จมอยู่ในระดับผิวดินก็พอ
(4) รดน้ำให้ชุ่มด้วยบัวชนิดฝอยละเอียด (เพื่อป้องกันแรงแระทบของน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้เมล็ดกระเด็น) จนเพียงพอ โดยสังเกตว่ามีน้ำไหลออกมาจากก้นภาชนะเพาะ
5 ปิดทับผิวหน้าดินด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ (เพื่อรักษาความชื้นภายในดินเพาะให้สม่ำเสมอ ไม่ให้ระเหยเร็วเกินไป และยังช่วยให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น) รดน้ำลงบนกระดาษจนชุ่ม
(6) ดูแลรักษาโดยการรดน้ำทุก ๆ วัน วันละ 1 – 2 ครั้ง หลังจากการเพาะ 2 – 3 วัน ให้เปิดกระดาษที่ปิดทับออกดูถ้าพบว่าเมล็ดเริ่มงอกเป็นต้นกล้าทั่วถึงดีแล้วจึงเอากระดาษออก เพื่อให้ต้นกล้าได้รับแสงสว่าง อย่าปล่อยให้กระดาษปิดทับอยู่จนต้นกล้าโต จะทำให้ได้ต้นกล้ายืดยาว อ่อน และตายในที่สุด
(7) เมื่อต้นกล้าเจริญเติบโตแข็งแรงดีแล้วจึงย้ายลงปลูกต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น