12 วิธีการดูแลการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ

มะเดื่อ ถือว่าเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นเป็นปุ่มและแตกกิ่งก้านออก ส่วนใบของต้นมะเดื่อเป็นใบเดี่ยว ด้านหนึ่งจะหยาบ ส่วนอีกด้านของใบมะเดื่อจะขนอ่อน ลำต้นของมะเดื่อมียางสีขาว ผลมะเดื่อออกเป็นกระจุก กลมแป้นหรือรูปไข่ เปลือกบาง ผลอ่อนสีเขียว พอมะเดื่อเริ่มสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แดงหรือชมพูแล้วแต่พันธุ์ เนื้อในสีแดงเข้ม สุกแล้วมีกลิ่นหอม ดังนั้นวันนี้เรามาดู 12 วิธีการดูแลการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ เพื่อนำไปปลูกในกระถาง หรือ ในดินต่อไป













12 วิธีการดูแลการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ
  1. เริ่มแรก   หลังจากได้กิ่งพันธุ์มา  เราก็เตรียมดิน  อาจจะใช้ดินถุงๆ ละ 15-30 บาทก็ได้  แล้วกรอกดินใส่ในถุงดำขนาด 4-6 นิ้ว
  2. การรดน้ำ : รดน้ำให้พอชุ่ม  แล้ววางไว้ในที่ร่ม  อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ร้อนจัดจนเกินไป
  3. ความลึกในการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ : สำหรับความลึกในการปักกิ่งมะเดื่อลงไปในถุงเพาะชำ  ควรปักลงไปประมาณ 1/3  เนื่องจากรากของมะเดื่อสามารถงอกได้จากทุกส่วนของลำต้น  (ไม่เฉพาะส่วนปลายที่รอยตัดกิ่ง)  และควรชุบน้ำยาเร่งรากด้วย หลังจากนั้น  ประมาณ 7-10 วัน กิ่งมะเดื่อก็จะเริ่มแตกยอดอ่อน  
  4. วันแรกที่เริ่มชำ : ข้อแนะนำ  ระหว่างช่วงวันแรกที่เริ่มชำก็คือ  ไม่ควรรดน้ำให้แฉะเกินไป  ควรรดน้ำแต่พอชุ่ม  และต้องระวังกิ่งมะเดื่อเน่าเสียก่อน  แม้จะมีใบแล้วก็ตาม  ดังนั้นการป้องกันในระยะนี้ควรมีการใส่เชื้อไตรโคเดอรม่าร์  หรือ  พด.3  ที่หาได้จากกรมพัฒนาที่ดิน  (ควรเตรียมเชื้อนี้ไว้ก่อน  อาจทำในรูปแบบของปุ๋ยหมักก็ได้) 
  5. ช่วงอ่อนแอของต้น : ในช่วงนี้ยังไม่ต้องให้ปุ๋ย  เนื่องจากระบบรากของต้นมะเดื่ออ่อนแอมากๆ  ถ้าให้ปุ๋ยแรงเกินไป (เค็มเกินไป)  อาจทำให้รากเน่าเปื่อยได้ง่าย  แม้กระทั่งการรดน้ำมากๆ ก็อาจทำให้เน่าได้
  6. หลังจากพ้นระยะชำประมาณ 20-30 วัน :  ก็จะได้ขนาดมะเดื่อโตพอสมควร และก็ไม่ควรเร่งปุ๋ยมากเกินไป  และไม่ควรให้น้ำแฉะเกินไป  มะเดื่อก็จะเริ่มแตกใบอ่อนได้ 3-5 ใบแล้ว 
  7. การแยกลงกระถาง : ดูเหมือนจะโตพอที่จะแยกลงกระถางได้ แต่ถ้ายังไม่เอาลงกระถางก็ไม่เป็นไร  ปล่อยไว้อีกสัก 10 วันก็ยังได้
  8. การให้ปุ๋ยในระยะนี้ : สำหรับปุ๋ย แนะนำให้ใช้ปุ๋ยธรรมชาติ  คือ  ขี้ไก่ หรือ ขี้วัว และใช้ดินที่ซื้อจากร้านเกษตรทั่วไป  ถุงละ 20-30 บาท  เป็นดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ย  แต่รดน้ำหมักบ้างเล็กน้อย 
  9. เรื่องแสงแดด : ไม่ควรให้มะเดื่อโดนแดดทั้งวัน  ควรให้โดนแดดได้ช่วงเวลา 07.00-08.00 และ 17.00-18.00 จะเป็นเวลาที่เหมาะเพราะเป็นแดดอ่อนๆ ไม่แรงมากไป   หากให้แดดทั้งวันอาจทำใบไหม้เกรียมได้
  10. ผ่านมาแล้ว 40 วัน : หลังจากที่ปลูกมาแล้ว 40 วัน ใบเริ่มกว้างกว่า 7 นิ้ว  ข้อดีของมะเดื่อฝรั่งพันธุ์บราวเทอร์กี้  นี้  เป็นมะเดื่อที่โตเร็ว  และให้ผลผลิตเร็วมาก   ผลผลิตรสชาตดี ไม่หวานจัด  เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ  
  11. ผ่านไป 4 เดือน :  มะเดื่อ ฝรั่งเริ่มติดลูกแล้ว  ขนาดของใบกว้างกว่า 8 นิ้ว  ยาวกว่า 10 นิ้ว 
  12. การให้น้ำให้ปุ๋ยเพื่อเร่งผล  :   สามารถให้ได้เต็มที่  เพื่อเร่งผลมะเดื่อจะออกมาเป็นผลเล็กๆ  แล้วจะค่อยๆ ขยายโตขึ้นเรื่อยๆ


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม